เที่ยวกรุงโรม นครวาติกัน สนามกีฬาโคลอสเซียม น้ำพุเทรวี บันไดสเปน หอเอนปิซ่า ฟลอเร้นซ์ เวนิส เกาะอันแสนโรแมนติก อินเทอลาเก้น ยอดเขายูงเฟรา 11,333 ฟุต Top of Europe นั่งรถไฟ TGV สู่นครปารีส ล่องเรือแม่น้ำแซนน์ ชมพระราชวังแวร์ซายส์ หอไอเฟิล ประตูชัย ถนนชองป์เอลิเซ่ จัตุรัสคองคอร์ด โบสถ์นอร์ทเทรอดาม นั่งรถไฟยูโรสตาร์ข้ามช่องแคบอังกฤษสู่มหานครลอนดอน เยือนสโตนเฮนจ์ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่มาดามทูสโซด์ ชมมหานครลอนดอน ที่มีมนต์เสน่ห์อันไม่เสื่อมคลายกำหนดการเดินทาง
เดือน กำหนดการ ปรับปรุงล่าสุด
มิถุนายน 29มิ.ย.-10ก.ค. 25 พ.ค. 10
กรกฎาคม 24ก.ค.-4ส.ค. 25 พ.ค. 10
สิงหาคม 10-21ส.ค. 25 พ.ค. 10
กันยายน 7-18ก.ย. 25 พ.ค. 10
ตุลาคม 19-30ต.ค. 1 มิ.ย. 10
รายการเดินทาง วันแรกฯ กรุงเทพ - กรุงโรม
22.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 2 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทยพบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน
วันที่สองฯ กรุงโรม - โคลอสเซียม - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน – นครวาติกัน
00.01 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 944
05.50 น. คณะถึงสนามบินลีโอนาร์โด-ดาวินชีที่กรุงโรม ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว รถโค้ชนำคณะเที่ยว ชมกรุงโรม เมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันมีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี, ประตูชัยคอนสแตนติน , ชมภายในสนามกีฬาโคลอสเซียม สิ่งก่อสร้างที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก จัตุรัสเวเนเซีย, อนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์-เอ็มมานูเอ็ล และ โรมันฟอรั่ม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะเข้าสู่ นครวาติกัน ซึ่งเป็นรัฐอิสระและศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา, รูปปั้นแกะสลักเฟียต้า ผลงานชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล ภายในวิจิตรตระการตาด้วยงานแกะสลักรูปปั้นหินอ่อน, เสาพลับพลา และยอดโดมขนาดใหญ่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สำคัญล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลี (ทางสำนักวาติกันจะไม่อนุญาตให้เข้าชมหากวันดังกล่าวมีการประกอบพิธีทางศาสนา) แล้วไป ชมน้ำพุเทรวี่ ผลงานมาสเตอร์พีซของนิโคลัส ซาลวี จากนั้นสัมผัสย่านช้อปปิ้งบันไดสเปน ที่มีชื่อเสียงและคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม PALACE 2000 HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สามฯ กรุงโรม - หอเอนปิซ่า - ฟลอเร้นซ์ - เที่ยวเมืองเก่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
นำคณะเดินทางสู่ภาคกลางของประเทศเขต แคว้นทอสคาน่า ที่มีเมืองฟลอเร้นซ์เป็นเมืองหลวง ระหว่างเส้นทางท่านจะได้เห็นร่องรอยของอารยธรรมของชาวอีทรัสกันที่อยู่มาตั้งแต่ครั้งก่อนคริสต์กาล จนกระทั่งโรมันเข้ามาครอบครองบ้านเรือนตลอดจนปราสาทเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นชัยภูมิที่เหมาะสม ผ่านท้องทุ่งเกษตรกรรม และแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีของแคว้นนี้ จนถึงเมืองปิซ่า อดีตเมืองท่าเรือชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน และเป็นที่ตั้งของ หอเอนปิซ่า สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1174 เป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก ที่ชาวโลกรู้จักกันดีจากการทดลองเกี่ยวกับทฤษฎีแรงโน้มถ่วงโดยนักวิทยาศาสตร์เอกกาลิเลโอ ใกล้กันเป็นโบสถ์แบบโรมันเนสก์ และแบ๊บติสตรี ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา อันเป็นงานศิลปะที่งดงามในยุคนั้น อิสระให้ท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมืองฟลอเร้นซ์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะเข้าสู่ย่านเมืองเก่าของ นครฟลอเร้นซ์ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ และเป็นเมืองที่ไม่อนุญาตให้รถโค้ชเข้าไปในเขตเมืองเก่า อิสระให้ท่านเดินเที่ยว ชมมหาวิหารซานตามาเรียเดลฟิโอเร หรือ DUOMO แห่งฟลอเร้นซ์, จัตุรัสซินญอเรีย, พิพิธภัณฑ์อุฟฟิชี, สะพานเวคคิโอ สะพานเก่าแก่แห่งแรกที่ข้ามแม่น้ำอาร์โน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่โรงแรมที่พัก PARK PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ฯ ฟลอเร้นซ์ – เที่ยวเกาะเวนิส – เมสเตร้
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
ออกเดินทางต่อสู่ตอนเหนือของประเทศใน แคว้นเวเนโต้ จากนั้นนำคณะลงเรือทัศนาจรข้ามสู่ เกาะเวนิส อดีตเมืองที่เคยร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุคกลาง เกาะเวนิสประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำชมความงดงามของ จัตุรัสซานมาร์โค อาคารโดยรอบที่มีระเบียงตรงทางเดินแม้แต่นโปเลียนยังหลงใหล พระราชวังเดิม หรือ Doge Palace นครเวนิสในอดีตมีความความเจริญรุ่งเรืองเมื่อครั้งทำการค้ากับตะวันออกไกล ชมสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ที่โบสถ์นักบุญเซนต์มาร์ค, หอระฆัง, เสาแห่งนักบุญ อิสระให้ท่านได้เดินเที่ยวชมเกาะอันแสนโรแมนติก หรือช้อปปิ้งสินค้าของเมืองอาทิ ผ้าลูกไม้, เครื่องแก้วมูราโน่, หรือจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1720 ท่ามกลางบรรยากาศอันแสน โรแมนติก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พักโรงแรม VENEZIA MESTRE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าฯ เวนิส เมสเตร้ – มิลาน - อินเทอลาเก้น
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
นำคณะเดินทางสู่ เมืองมิลาน เมืองเอกแห่งแคว้นลอมบาร์ดี เข้าสู่ จุดศูนย์กลางอันศักดิ์สิทธิ์คือ ดูโอโม่ (Duomo) มหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่เป็นอันดับสามในยุโรป สร้างในปี 1386 ด้านนอกมีหลังคายอดเรียวแหลมจำนวน 135 ยอด และมีรูปปั้นหินอ่อนจากทุกยุคทุกสมัยกว่า 2,245ชิ้น บนสุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตรของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่าอยู่ อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึก แล้วผ่าน ชมแกลลอเรีย วิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ล อาคารกระจกที่เก่าแก่และมีความสวยงาม หลังจากนั้นนำชมโรงละครโอเปร่า ลาสกาล่า ชมรูปปั้นของ ลีโอนาโด ดาวินชี จิตรกรเอก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนที่ เมืองคีอัสโซ่ สู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเขตทะเลสาบสี่พันธรัฐอันกว้างใหญ่ จนเข้าสู่เมืองอินเทอลาเก้นอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีความสำคัญประหนึ่ง เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอลันด์ ตั้งอยู่ทะเลสาบสองแห่งมีภาพของยอดเขายูงเฟราเป็นฉากหลัง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่โรงแรมที่พัก CHALET SWISS HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่หกฯ อินเทอลาเก้น - พิชิตยอดเขาจุงฟราวน์ – ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
ออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยว ยอดเขาจุงฟราวน์ โดยรถโค้ช ปี 2001 UNESCO ประกาศให้ยอดเขายูงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำคณะนั่งรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติของ JUNGFRAUBAHN ขึ้นพิชิตยอดเขายูงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุต ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น TOP OF EUROPE ระหว่างเส้นทางนำท่านสู่ยอดเขาชมกลาเซียหรือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่จนถึงสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป เพลิดเพลินและสนุกสนานกับการเล่นหิมะในลานกว้าง Sphinx จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ชมถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของ ธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม. และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขายูงเฟรา และไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา
บ่าย นำคณะเดินทางลงจากยอดเขาโดยไม่ซ้ำเส้นทางเดิมเพื่อให้ท่านได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันจนเข้าสู่ เมืองอินเทอลาเก้น เมืองแห่งการพักผ่อนสัมผัสบรรยากาศอันบริสุทธิ์ อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งในร้านขายของที่ระลึก, ร้านสินค้าแบรนด์เนม, ร้านขายช๊อคโกแล็ต, ร้านนาฬิกาชื่อดัง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พักโรงแรม CHALET SWISS HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดฯ อินเทอลาเก้น – สตราสบูรก์ - รถไฟด่วน TGV - ปารีส (ฝรั่งเศส) - ล่องเรือ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
หลังจากนั้นรถโค้ชข้ามพรมแดนของ สวิสเซอร์แลนด์-ฝรั่งเศส ผ่านข้ามแดนที่เมืองบาเซิลเมืองอุตสาหกรรมเคมีที่มีชื่อเสียงของสวิส จนข้ามสู่แคว้นอัลซาสที่เมืองสตราสบูรก์ เมืองหลวงแห่งสหภาพยุโรป
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะฯ ชมเมืองเก่าในย่านประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า แกรนด์อิล , โบสถ์นอร์ทเทรอดาม สถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก, นาฬิกาดาราศาสตร์ มีร้านค้าเรียงรายสองข้างฝั่งทาง และไม่พลาดกับการไป ชม Le petite France ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก บ้านเรือนในยุคกลางนี้ได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพดี ทาสีสดใส หลากหลายสีสันสลับสับเปลี่ยนกันไปเรียงรายอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำอิล จุดชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของการเดินเที่ยวชมเมือง แล้วนำคณะนั่งรถไฟ TGV สู่นครปารีส วิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อคณะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ Gare Du East ในนครปารีส จากนั้นนำคณะล่องเรือบาโตมูซ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1949 มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการแล้วกว่า 100 ล้านคน ชมสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสองฝั่งของแม่น้ำแซนน์โบราณสถานและอาคารที่เก่าแก่สร้างด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสร้างภาพให้ปารีสโดดเด่นเป็นมหานครที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่โรงแรมที่พัก MERCURE PARIS LA DEFENSE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่แปดฯ พระราชวังแวร์ซายส์ - เที่ยวชมกรุงปารีส – หอไอเฟิล – ประตูชัย - ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
นำคณะเดินทางสู่ พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในปฐพีซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร บางส่วนของพระราชวังได้รับการบูรณะเรียบร้อยแล้ว นำคณะเข้าชมความงามของพระราชวังภายในห้องต่าง ๆอาทิ ห้องเทพเจ้าอพอลโล, ห้องเทพวีนัส, ห้องเทพไดอาน่า และห้องเดอะฮอลล์ออฟมิลเลอร์ แต่ละห้องของพระราชวังล้วนมีค่าด้วยภาพเขียนสีแบบเฟรสโก้ โดยช่างฝีมือเอกชาวฝรั่งเศสควรค่าแก่การยกย่องให้เป็นพระราชวังที่งดงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลังจากเที่ยวชมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินทางกลับสู่นครปารีส
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะเที่ยว ชมมหานครปารีส เมืองแห่งแฟชั่นชั้นนำของโลก โบสถ์แองวาลีดส์อันงามสง่า, ถ่ายภาพหอไอเฟิลเป็นที่ระลึก จากมุมกว้างที่เป็นจุดที่สวยที่สุด เที่ยวชมสถานที่สำคัญของเมืองที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต โดดเด่นด้วยผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ ประตูชัยแห่งนโปเลียน, ถนนชองป์เอลิเซ่ ย่านหรูหราราคาแพง, จัตุรัสคองคอร์ด ที่ชวนให้ระลึกถึงการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส, สวนตุยเลอลีส์, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ ด้านหน้าเป็นปิระมิดแก้ว ภายในเป็นที่สะสมงาน อิสระให้ท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ที่โด่งดังของฝรั่งเศสย่านถนนออสแมนบูโลวาร์ด เป็นการส่งท้าย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่โรงแรมที่พัก MERCURE PARIS LA DEFENSE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่เก้าฯ ปารีสนอร์ธ – ยูโรสตาร์สู่ลอนดอน – สโตนเฮนจ์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
ออกเดินทางสู่สถานีรถไฟ Gare Du Nord รถไฟยูโรสตาร์ 2nd Class นำคณะพร้อมสัมภาระออกเดินทาง ด้วยความเร็วกว่า 300 ก.ม./ช.ม. และลอดอุโมงค์ช่องแคบระหว่างเมืองคาเล่ส์และโดเวอร์ จนเข้าสู่เขตมหานครลอนดอนที่สถานีรถไฟ St.Pancras International ใจกลางมหานครลอนดอน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ออกเดินทางสู่เมือง ซาลส์บัวรี่ (Salisbury) นำ ชมเสาหินสโตนเฮ้นจ์ (Stonehenge) กองหินหรือแนวแท่งหินที่เป็นความลับดำมืดในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นำท่านเดินทางกลับสู่ลอนดอน อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม NOVOTEL LONDON TOWER BRIDGE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สิบฯ เที่ยวมหานครลอนดอน – พิพิธภัณฑ์มาดามทูสโซด์ – ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก
นำคณะเที่ยว ชมมหานครลอนดอน เริ่มจากจตุรัสทราฟัลก้าร์ ที่รายลอบไปด้วยอาคารที่น่าสนใจ เข้าสู่ถนนไวท์ฮอลล์, ผ่านชมที่ทำการรัฐในปัจจุบัน, บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่ง บ้านพักของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บันทึกภาพกับพระราชวังเวสท์มินส์เตอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาอังกฤษมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16, ชมอาคารหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่มีความสูง 320 ฟุต ตีบอกเวลาทุกชั่วโมง และมีหน้าปัดใหญ่ที่สุดในโลก, วิหารเวสต์มินส์เตอร์ ผ่านชมมหาวิหารเซนต์ปอลที่มียอดโดมใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก, ลอนดอนบริดจ์ สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์แห่งแรก, หอคอยลอนดอน สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ นองเลือด ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ ปราสาทราชวัง คุก แดนประหาร ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารและหอคอยหลายหลัง เข้าชมมหามงกุฎอิมพีเรียลซึ่งประดับด้วยเพชรที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ชื่อ ดาราแห่งอาฟริกา 2 หรือ คัลลินัน 2 และมงกุฎของพระราชินีอลิซาเบธ ประดับด้วยเพชรโคอินูร์ ที่เคยเป็นเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและคฑาประดับด้วยเพชรเม็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดาราแห่งอาฟริกา 1 หรือคัลลินัน 1 แล้วไปชม พระราชวังบั้คกิ้งแฮมที่ประทับของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 และพระสวามี
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะเข้าสู่ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ่ด์ แต่ละห้องล้วนจัดไว้อย่างน่าชม อาทิ ห้องบุคคลสำคัญๆ จากทั่วโลกและมีชื่อเสียงนักกีฬา, ศิลปินเอก, นักการเมือง ตลอดจนผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งราชวงศ์แห่งอังกฤษ แล้วให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับลอนดอนแท็กซี่ ผ่านห้องต่างๆ ที่ล้วนแต่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วนำท่านไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าอันทันสมัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก NOVOTEL LONDON TOWER BRIDGE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สิบเอ็ดฯ อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตลอดวัน – สนามบินฮีทโธรว์ – กลับกรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระตามอัธยาศัยให้ท่านได้เพลิดเพลินอย่างเต็มอิ่ม กับการ ช้อปปิ้งย่านไนท์บริดจ์,เคนซิงตัน ไฮสตรีท หรือ ถนนอ็อกฟอร์ด ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของเมืองผู้ดี
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
18.00 น. สมควรแก่เวลาเดินทางโดยรถโค้ชสู่สนามบินฮีทโธรว์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ
21.35 น. ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 917
วันที่สิบสองฯ สนามบินสุวรรณภูมิ
15.55 น. เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ.
อัตราค่าบริการ ทัวร์ยุโรป อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส อังกฤษ 12วัน สายการบินไทย ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง เดือน : มิถุนายน
วันที่ : 29มิ.ย.-10ก.ค.
ลักษณะการเข้าพัก ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ 139,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน 133,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) 119,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) 105,000
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 17,500
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง ท่านที่สามมีส่วนลด -
ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง เดือน : กรกฎาคม
วันที่ : 24ก.ค.-4ส.ค.
ลักษณะการเข้าพัก ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ 139,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน 133,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) 119,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) 105,000
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 17,500
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง ท่านที่สามมีส่วนลด -
ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง เดือน : สิงหาคม
วันที่ : 10-21ส.ค.
ลักษณะการเข้าพัก ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ 139,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน 133,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) 119,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) 105,000
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 17,500
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง ท่านที่สามมีส่วนลด -
ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง เดือน : กันยายน
วันที่ : 7-18ก.ย.
ลักษณะการเข้าพัก ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ 139,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน 133,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) 119,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) 105,000
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 17,500
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง ท่านที่สามมีส่วนลด -
ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง เดือน : ตุลาคม
วันที่ : 19-30ต.ค.
ลักษณะการเข้าพัก ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ 139,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน 133,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) 119,000
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) 105,000
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 17,500
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง ท่านที่สามมีส่วนลด -
วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553
อิตาลี
อิตาลี(Italy)หรือสาธารณรัฐอิตาลี (Republic of Italy) เมืองหลวงคือ กรุงโรม (Rome/ Roma)
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ตอนใต้ของทวีปยุโรป อยู่ในเขตภูเขาหินใหม่ภาคใต้ ลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปใน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเป็นเขตภูมิอากาศอบอุ่นในฤดูหนาว ในฤดูร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียสและในฤดูหนาวมีอุณภูมิเฉลี่ยประมาณ 8 องศา
มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ทิศใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลไอโอเนียน ทิศตะวันตกมีพรมแดนจรดประเทศฝรั่งเศส และทะเลไทเรเนียน ส่วนทิศตะวันออกจรดทะเลอาเดรียติก และอยู่ตรงข้ามกับ สโลเวเนียโครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร และแอลเบเนีย
เทศกาลต่างๆในประเทศอิตาลี

เทศกาลคาร์นิวัล จัดในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จัดตามเมืองต่างๆ แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่ที่เมืองเวนิส แคว้นเวเนโต มีลักษณะของงานคือเน้นการแต่งการแฟนซีและสวมหน้ากาก
เทศกาลทางศาสนา เช่น เทศกาลอีสเตอร์ ประกอบด้วยการเดินขบวนกู๊ดฟรายเดย์หรือเรียกว่าวันอาทิตย์อีสเตอร์ จัดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ภายในเทศกาลจะมีการเฉลิมฉลอง พระสันตะปาปาจะมีกระแสรับสั่งถึงคริสตศาสนิกชนในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ซึ่งจัดขึ้นที่นครรัฐวาติกัน

เทศกาลศิลปะและดนตรี (อิตาลี: Maggio Musicale Fiorentino) จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นตอสกานา
เทศกาลโอเปร่า ที่เมืองเวโรนา แคว้นเวเนโต
เทศกาลลดราคาสินค้าประจำปี จัดขึ้นทั่วประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนต่อมาก็จะเป็นช่วงแห่งการพักร้อน ร้านค้าและกิจการในเมืองจะปิด และผู้คนจะไปพักร้อนตามทะเล
เทศกาลฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทำไวน์
เทศกาลภาพยนตร์ จัดที่เมืองฟลอเรนซ์ ในเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลทัวร์อิตาลี
ทัวร์อิตาลี /รหัส แพคเกจทัวร์ : A75-TG-EUR07
เดินทางโดย (ตั๋วเครื่องบิน) : TG-การบินไทย
มาตรฐานโรงแรม : 4 ดาว
จำนวนวัน : 9 วัน 6 คืน
วันที่เดินทาง : 11-19 / 18-26 JUN / 25JUN-3JUL // 9-17 / 16-24 / 23-31 JUL / 31JUL-8AUG // 6-14 /13-21 / 20-28 AUG / 27AUG-4SEP // 3-11 / 10-18 / 17-25 SEP / 24SEP-2OCT // 1-9 / 8-16 / 15-23 / 20-28 / 22-30 OCT
ราคา / ท่าน :95,500 บาท(ผู้ใหญ่) , 85,950 บาท(เด็กมีเตียง)
ที่พักจ่ายเพิ่ม 11,000 บาท / 76,400 บาท(เด็กไม่มีเตียง)
รายการ ทัวร์อิตาลี : แกรนด์อิตาลี 9 วัน : มิลาน ดูโอโม่ เวอโรน่า เวนิสเมสเตร้ - เที่ยวเกาะเวนิส จตุรัสซานมาร์โค ล่องเรือกอนโดล่า - ฟลอเร้นซ์ จตุรัสซินญอเรีย มหาวิหารดูโอโม่ - หอเอนปีซ่า กรุงโรม นาโปลี ปอมเปอี เกาะคาปรี - ถ้ำบลูกร็อตโต้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน - มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เข้าชมสนามกีฬาโคลอสเซียม - น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปน
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ตอนใต้ของทวีปยุโรป อยู่ในเขตภูเขาหินใหม่ภาคใต้ ลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปใน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเป็นเขตภูมิอากาศอบอุ่นในฤดูหนาว ในฤดูร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียสและในฤดูหนาวมีอุณภูมิเฉลี่ยประมาณ 8 องศา
มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ทิศใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลไอโอเนียน ทิศตะวันตกมีพรมแดนจรดประเทศฝรั่งเศส และทะเลไทเรเนียน ส่วนทิศตะวันออกจรดทะเลอาเดรียติก และอยู่ตรงข้ามกับ สโลเวเนียโครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร และแอลเบเนีย
เทศกาลต่างๆในประเทศอิตาลี

เทศกาลคาร์นิวัล จัดในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จัดตามเมืองต่างๆ แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่ที่เมืองเวนิส แคว้นเวเนโต มีลักษณะของงานคือเน้นการแต่งการแฟนซีและสวมหน้ากาก
เทศกาลทางศาสนา เช่น เทศกาลอีสเตอร์ ประกอบด้วยการเดินขบวนกู๊ดฟรายเดย์หรือเรียกว่าวันอาทิตย์อีสเตอร์ จัดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ภายในเทศกาลจะมีการเฉลิมฉลอง พระสันตะปาปาจะมีกระแสรับสั่งถึงคริสตศาสนิกชนในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ซึ่งจัดขึ้นที่นครรัฐวาติกัน

เทศกาลศิลปะและดนตรี (อิตาลี: Maggio Musicale Fiorentino) จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นตอสกานา
เทศกาลโอเปร่า ที่เมืองเวโรนา แคว้นเวเนโต
เทศกาลลดราคาสินค้าประจำปี จัดขึ้นทั่วประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนต่อมาก็จะเป็นช่วงแห่งการพักร้อน ร้านค้าและกิจการในเมืองจะปิด และผู้คนจะไปพักร้อนตามทะเล
เทศกาลฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทำไวน์
เทศกาลภาพยนตร์ จัดที่เมืองฟลอเรนซ์ ในเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลทัวร์อิตาลี
ทัวร์อิตาลี /รหัส แพคเกจทัวร์ : A75-TG-EUR07
เดินทางโดย (ตั๋วเครื่องบิน) : TG-การบินไทย
มาตรฐานโรงแรม : 4 ดาว
จำนวนวัน : 9 วัน 6 คืน
วันที่เดินทาง : 11-19 / 18-26 JUN / 25JUN-3JUL // 9-17 / 16-24 / 23-31 JUL / 31JUL-8AUG // 6-14 /13-21 / 20-28 AUG / 27AUG-4SEP // 3-11 / 10-18 / 17-25 SEP / 24SEP-2OCT // 1-9 / 8-16 / 15-23 / 20-28 / 22-30 OCT
ราคา / ท่าน :95,500 บาท(ผู้ใหญ่) , 85,950 บาท(เด็กมีเตียง)
ที่พักจ่ายเพิ่ม 11,000 บาท / 76,400 บาท(เด็กไม่มีเตียง)
รายการ ทัวร์อิตาลี : แกรนด์อิตาลี 9 วัน : มิลาน ดูโอโม่ เวอโรน่า เวนิสเมสเตร้ - เที่ยวเกาะเวนิส จตุรัสซานมาร์โค ล่องเรือกอนโดล่า - ฟลอเร้นซ์ จตุรัสซินญอเรีย มหาวิหารดูโอโม่ - หอเอนปีซ่า กรุงโรม นาโปลี ปอมเปอี เกาะคาปรี - ถ้ำบลูกร็อตโต้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน - มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เข้าชมสนามกีฬาโคลอสเซียม - น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปน
อิตาลี
สถานทูตไทยในกรุงโรม อิตาลี
Via Nomentana132, 00162 Rome Consular Section
Tel.: +39(06) 8622 0525-27 Fax: +39(06) 8622 0529
Tel.: +39(06) 8622 051 Fax: +39(06) 8622 0555, 8622 0556
เปิดทำการ ตั้งแต่ 09.00 - 13.00 น. และ 14.30 - 17.00น.
ภาษาที่ใช้ในอิตาลี
ภาษาที่ใช้: ภาษาทางการของประเทศอิตาลี คือ ภาษาอิตาเลียน ส่วนภาษาที่ใช้รองลงมา คือ ภาษาเยอรมัน ซึ่งจะใช้กันมากในแคว้น Trentino-Alto Adige ที่ติดกับประเทศออสเตรีย นอกจากนี้ ชาวอิตาเลียนยังสามารถพูดภาษาฝรั่งเศส กันได้บริเวณแคว้น Valle d’Aosta อีกด้วย
เวลา
ความแตกต่างของเวลา: ในฤดูร้อน เวลาของประเทศอิตาลีจะช้าของบ้านเรา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นฤดูหนาว จะช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 6 ชั่วโมง ดังนั้น อย่าลืมปรับเวลาให้ตรงกับฤดูกาลเมื่อไปถึงอิตาลีด้วย
สภาพอากาศ
อากาศที่อิตาลีจะเป็นอากาศแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ มีภูมิอากาศเป็นแบบอบอุ่น อุณหภูมิปานกลาง และมีฝนตกตลอดทั้งปี
ค่าเงินและการธนาคาร
อิตาลีใช้เงินสกุลยูโร (EURO) โดย 1 ยูโร มีค่าประมาณ 50 บาทไทย ชนิดของธนบัตรมีตั้งแต่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร ส่วนชนิดของเหรียญประกอบด้วย 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร และ 2 ยูโร นอกจากนี้ บัตรเครดิตที่ท่านสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยในประเทศอิตาลีได้ ได้แก่ Master Card, Visa Card, American Express, Diner Club เป็นต้น
******(สกุลเงินตรา ยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 46.83 บาท )
ระบบไฟฟ้า
อิตาลีใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือแบบ 220 โวลต์ บางที่จะเป็นปลั๊ก 2 ตา บางที่ก็อาจเป็นปลั๊กชนิด 3 ขา ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ามีปลั๊กไม่ตรงกับของทางที่พักในอิตาลี สามารถไปขอปลั๊กต่อจากทางโรงแรมได้ (Adapter)
ระบบโทรศัพท์
รหัสโทรศัพท์ของประเทศอิตาลี คือ +39 ที่นั่นจะมีโทรศัพท์ทางไกลสาธารณะทั้งแบบหยอดเหรียญ และแบบการ์ดโฟน สำหรับแบบการ์ดโฟน ท่านสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในราคาอย่างต่ำ 3 EURO ส่วนแบบหยอดเหรียญในกรุงโรม ปัจจุบันหาไม่ค่อยได้แล้ว หรืออีกวิธีหนึ่ง คือการเปิด Roaming แต่ก่อนเปิดจะต้องไปแจ้งทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ของท่านก่อนโทรศัพท์สาธารณะต้องซื้อการ์ดโทรศัพท์ซึ่งมีขายทั่วไปในราคาอย่างต่ำ 3 ยูโร โดยหักมุมบัตร แล้วใส่ในช่องใส่บัตร จึงจะใช้โทรศัพท์ได้
ข้อแนะนำพิเศษ: ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีมิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้น จะต้องคอยระมัดระวังเรื่องกระเป๋า ในระหว่างเดินเที่ยวหรือเดินช้อปปิ้งด้วย
Via Nomentana132, 00162 Rome Consular Section
Tel.: +39(06) 8622 0525-27 Fax: +39(06) 8622 0529
Tel.: +39(06) 8622 051 Fax: +39(06) 8622 0555, 8622 0556
เปิดทำการ ตั้งแต่ 09.00 - 13.00 น. และ 14.30 - 17.00น.
ภาษาที่ใช้ในอิตาลี
ภาษาที่ใช้: ภาษาทางการของประเทศอิตาลี คือ ภาษาอิตาเลียน ส่วนภาษาที่ใช้รองลงมา คือ ภาษาเยอรมัน ซึ่งจะใช้กันมากในแคว้น Trentino-Alto Adige ที่ติดกับประเทศออสเตรีย นอกจากนี้ ชาวอิตาเลียนยังสามารถพูดภาษาฝรั่งเศส กันได้บริเวณแคว้น Valle d’Aosta อีกด้วย
เวลา
ความแตกต่างของเวลา: ในฤดูร้อน เวลาของประเทศอิตาลีจะช้าของบ้านเรา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นฤดูหนาว จะช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 6 ชั่วโมง ดังนั้น อย่าลืมปรับเวลาให้ตรงกับฤดูกาลเมื่อไปถึงอิตาลีด้วย
สภาพอากาศ
อากาศที่อิตาลีจะเป็นอากาศแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ มีภูมิอากาศเป็นแบบอบอุ่น อุณหภูมิปานกลาง และมีฝนตกตลอดทั้งปี
ค่าเงินและการธนาคาร
อิตาลีใช้เงินสกุลยูโร (EURO) โดย 1 ยูโร มีค่าประมาณ 50 บาทไทย ชนิดของธนบัตรมีตั้งแต่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร ส่วนชนิดของเหรียญประกอบด้วย 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร และ 2 ยูโร นอกจากนี้ บัตรเครดิตที่ท่านสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยในประเทศอิตาลีได้ ได้แก่ Master Card, Visa Card, American Express, Diner Club เป็นต้น
******(สกุลเงินตรา ยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 46.83 บาท )
ระบบไฟฟ้า
อิตาลีใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือแบบ 220 โวลต์ บางที่จะเป็นปลั๊ก 2 ตา บางที่ก็อาจเป็นปลั๊กชนิด 3 ขา ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ามีปลั๊กไม่ตรงกับของทางที่พักในอิตาลี สามารถไปขอปลั๊กต่อจากทางโรงแรมได้ (Adapter)
ระบบโทรศัพท์
รหัสโทรศัพท์ของประเทศอิตาลี คือ +39 ที่นั่นจะมีโทรศัพท์ทางไกลสาธารณะทั้งแบบหยอดเหรียญ และแบบการ์ดโฟน สำหรับแบบการ์ดโฟน ท่านสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในราคาอย่างต่ำ 3 EURO ส่วนแบบหยอดเหรียญในกรุงโรม ปัจจุบันหาไม่ค่อยได้แล้ว หรืออีกวิธีหนึ่ง คือการเปิด Roaming แต่ก่อนเปิดจะต้องไปแจ้งทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ของท่านก่อนโทรศัพท์สาธารณะต้องซื้อการ์ดโทรศัพท์ซึ่งมีขายทั่วไปในราคาอย่างต่ำ 3 ยูโร โดยหักมุมบัตร แล้วใส่ในช่องใส่บัตร จึงจะใช้โทรศัพท์ได้
ข้อแนะนำพิเศษ: ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีมิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้น จะต้องคอยระมัดระวังเรื่องกระเป๋า ในระหว่างเดินเที่ยวหรือเดินช้อปปิ้งด้วย
การขอวีซ่า
การขอวีซ่า
ผู้ที่จะเดินทางเข้าอิตาลีจะต้องมีวีซ่า โดยจะใช้วีซ่าร่วมกับกลุ่มประเทศเชงเก็นอันได้แก่ กรีซ เยอรมนี ฝรั่งเศส เบเนลักซ์ (เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก) ออสเตรีย สเปน โปรตุเกส โดยการขอวีซ่าของกลุ่มเชงเก็นนั้น จะต้องขอวีซ่ากับประเทศที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวอยู่นานที่สุด หากไปเที่ยวอิตาลีประเทศเดียวหรือใช้เวลาอยู่ที่อิตาลีนานที่สุด จะต้องขอวีซ่าที่ สถานฑูตอิตาลี เลขที่ 399 ถนนนางลิ้นจี่ ทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 285-4090-3 เวลาทำการคือจันทร์ - ศุกร์ 9.00 - 11.00 น.
เอกสารประกอบการขอวีซ่า
1. หนังสือเดินทาง
1.1 ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน (สำหรับท่านที่มีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบการยื่นวีซ่าด้วยเพื่อความรวเร็วในการพิจารณาวีซ่าของท่าน)
1.2 ต้องมีหน้าว่างเหลือสำหรับประทับวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้า
2. รูปถ่าย
2.1 รูปถ่ายปัจจุบันหน้าตรง 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ใช้รูปสีพื้นหลังขาว ถ่ายมาตรฐานไม่เกิน 6 เดือน รูปโพลาลอยด์สติ๊กเกอร์ใช้ไม่ได้) และกรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลตัวบรรจงไว้ด้านหลังรูป
3. สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน,สำเนาบัตรข้าราชการ,สำเนาใบสูติบัตร (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และถึงแม้จะมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปแล้ว แต่ยังศึกษาอยู่ถึงแม้มีบัตรประชาชนแล้วทางสถานฑูตขอสำเนาสูติบัตรด้วย) และสำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล (ถ้ามี)
4. หลักฐานการเงิน
4.1 สำเนาสมุดเงินฝากส่วนตัวของผู้เดินทาง ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าปัจจุบัน (ย้อนหลัง 6 เดือนและควรปรับยอดสมุดเงินฝากให้เรียบร้อยก่อนถ่ายสำเนา)และควรมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 6 หลักเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีฐานะการเงิน เพียงพอที่จะครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายได้อย่างไม่เดือนร้อนเมื่อกลับสู่ภูมิลำเนา ในกรณีที่เดินทางเป็นครอบครัว หากใช้บัญชีใดบัญชีหนึ่งในการยื่นขอวีซ่า ต้องออกหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายให้บุคคลในครอบครัวด้วย
*** สถานฑูตอาจขอดูสมุดเงินฝากเล่มจริงของท่านในบางกรณี ***
หมายเหตุ กรณีท่านใดรับรองการเงินให้บุคคลในคณะ
- กรณีออกหนังสือรับรองการเงินจากธนาคาร (ต้องระบุชื่อผู้รับรองและผู้ที่ให้รับรอง) 1 ท่าน/ชุด
- กรณีถ่ายสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากของตนเองให้กับผู้ที่จะรับรองด้วย 1 ท่าน/ชุด
4.2 ทางสถานฑูตไม่รับบัญชีกระแสรายวันเพื่อการพิจารณาวีซ่าในทุกกรณี
5. หลักฐานการทำงาน (ภาษาอังกฤษและเป็นหลักฐานปัจจุบันเท่านั้น)
5.1 กรณีเป็นพนักงาน
- หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทฯ ระบุตำแหน่ง,อัตราเงินเดือนในปัจจุบัน,วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่ขอลางานเพื่อเดินทางไปยุโรป หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานตามปกติหลังครบกำหนดลา
5.2 กรณีเป็นข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
- หนังสือรับรองจากหน่วยงาน ระบุตำแหน่ง,อัตราเงินเดือนในปัจจุบัน,วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่ขอลางานเพื่อเดินทางไปยุโรป หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานตามปกติหลังครบกำหนดลา
5.3 กรณีเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา
- หนังสือรับรองจากสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน และสำเนาบัตรนักศึกษาและสมุดพกหรือใบรบ.
5.4 กรณีเป็นเจ้าของกิจการ
-หลักฐานประกอบการค้า เช่น สำเนาใบทะเบียนการค้า,หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า,หนังสือบริคณห์สนธิที่มีชื่อของผู้เดินทางเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนพร้อมทั้งเซ็นชื่อรับรองสำเนาและประทับตราบริษัทฯ (อายุสำเนาไม่เกิน 6 เดือน)
5.5 กรณีเป็นแม่บ้าน
- ต้องเตรียมหลักฐานของสามีตามข้อ 3 -5 พร้อมสำเนาทะเบียนสมรส (กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส ให้ทำหนังสือรับรองชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ),สำเนาใบหย่า หรือสำเนาใบมรณะบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
5.6 กรณีผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 20 ปี
- ไม่ได้เดินทางพร้อมบิดามารดาหรือคนใดคนหนึ่ง จะต้องไปทำหนังสือยินยอมให้เดินทางไปต่างประเทศ จากอำเภอหรือเขตที่ท่านอยู่ โดยระบุชื่อผู้ที่เด็กเดินทางไปด้วยพร้อมแนบหลักฐานของบิดาและมารดา ตามข้อ 3-5
- เด็กอยู่ในความปกครองของบิดาหรือมารดาเพียงคนเดียว จะต้องมีหลักฐานรับรองว่าเด็กอยู่ ภายใต้การปกครองของผู้นั้น เช่น สำเนาใบหย่า พร้อมทั้งบันทึกการหย่าซึ่งแสดงว่าเป็นผู้รับผิดชอบเด็ก เด็กอยู่ในความปกครองของผู้อื่น จะต้องมีหลักฐานรับรองว่าเด็กอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นั้น เช่น หนังสือรับรองบุตรบุญธรรม เป็นต้น พร้อมแนบหลักฐานของบิดาหรือมารดาผู้ที่เด็กอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นั้น ตามข้อ 3-5
6. หมายเลขโทรศัพท์ที่บ้าน,ที่ทำงาน,สถานศึกษา และโทรศัพท์เคลื่อนที่ (**เพื่อความสะดวกของสถานฑูต ในกรณีที่ต้องการทราบข้อมูลส่วนต้วของท่านเพิ่มเติมในการอนุมัติวีซ่า**)
7. กรณีที่บริษัทฯ ของท่านเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับผู้เดินทางทั้งหมด นอกเหนือจากเอกสารข้อ 1-6 แล้ว ทางบริษัทฯจะต้องออกจดหมายอีกหนึ่งฉบับเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายและการกลับมาทำงานของท่าน โดยระบุรายชื่อผู้เดินทางและเหตุผลที่จัดการเดินทางนี้ในจดหมายด้วย
8. การบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใดก็ตาม อาจจะถูกระงับมิให้เดินทางเข้าประเทศในกลุ่ม Etats Schengen เป็นการถาวร และถึงแม้ว่าท่านจะถูกปฏิเสธวีซ่าสถานฑูตไม่คืนค่าธรรมเนียมที่ได้ชำระไปแล้ว และหากต้องการขอยื่นคำร้องใหม่ก็ต้องชำระค่าธรรมเนียมใหม่ทุกครั้ง
9. หากสถานฑูตมีการสุ่มเรียกสัมภาษณ์บางท่าน ทางบริษัทฯขอความร่วมมือมรการเชิญท่านไปสัมภาษณ์ตามนัดหมายและโปรดแต่งกายสุภาพ ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวก และประสานงานตลอดเวลาและหาก สถานฑูตขอเอกสารเพิ่มเติมทางบริษัทฯ ใคร่ขอรบกวนท่านจัดส่งเอกสารดังกล่าวเช่นกัน
10. กรณีที่ท่านยกเลิกการเดินทางภายหลังจากได้วีซ่าแล้ว ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งสถานฑูต ยกเลิก วีซ่าของท่าน เนื่องจากการขอวีซ่าในแต่ละประเทศจะถูกบันทึกไว้เป็นสถิติในนามของบริษัทฯ
ผู้ที่จะเดินทางเข้าอิตาลีจะต้องมีวีซ่า โดยจะใช้วีซ่าร่วมกับกลุ่มประเทศเชงเก็นอันได้แก่ กรีซ เยอรมนี ฝรั่งเศส เบเนลักซ์ (เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก) ออสเตรีย สเปน โปรตุเกส โดยการขอวีซ่าของกลุ่มเชงเก็นนั้น จะต้องขอวีซ่ากับประเทศที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวอยู่นานที่สุด หากไปเที่ยวอิตาลีประเทศเดียวหรือใช้เวลาอยู่ที่อิตาลีนานที่สุด จะต้องขอวีซ่าที่ สถานฑูตอิตาลี เลขที่ 399 ถนนนางลิ้นจี่ ทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 285-4090-3 เวลาทำการคือจันทร์ - ศุกร์ 9.00 - 11.00 น.
เอกสารประกอบการขอวีซ่า
1. หนังสือเดินทาง
1.1 ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน (สำหรับท่านที่มีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบการยื่นวีซ่าด้วยเพื่อความรวเร็วในการพิจารณาวีซ่าของท่าน)
1.2 ต้องมีหน้าว่างเหลือสำหรับประทับวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้า
2. รูปถ่าย
2.1 รูปถ่ายปัจจุบันหน้าตรง 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ใช้รูปสีพื้นหลังขาว ถ่ายมาตรฐานไม่เกิน 6 เดือน รูปโพลาลอยด์สติ๊กเกอร์ใช้ไม่ได้) และกรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลตัวบรรจงไว้ด้านหลังรูป
3. สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน,สำเนาบัตรข้าราชการ,สำเนาใบสูติบัตร (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และถึงแม้จะมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปแล้ว แต่ยังศึกษาอยู่ถึงแม้มีบัตรประชาชนแล้วทางสถานฑูตขอสำเนาสูติบัตรด้วย) และสำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล (ถ้ามี)
4. หลักฐานการเงิน
4.1 สำเนาสมุดเงินฝากส่วนตัวของผู้เดินทาง ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าปัจจุบัน (ย้อนหลัง 6 เดือนและควรปรับยอดสมุดเงินฝากให้เรียบร้อยก่อนถ่ายสำเนา)และควรมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 6 หลักเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีฐานะการเงิน เพียงพอที่จะครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายได้อย่างไม่เดือนร้อนเมื่อกลับสู่ภูมิลำเนา ในกรณีที่เดินทางเป็นครอบครัว หากใช้บัญชีใดบัญชีหนึ่งในการยื่นขอวีซ่า ต้องออกหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายให้บุคคลในครอบครัวด้วย
*** สถานฑูตอาจขอดูสมุดเงินฝากเล่มจริงของท่านในบางกรณี ***
หมายเหตุ กรณีท่านใดรับรองการเงินให้บุคคลในคณะ
- กรณีออกหนังสือรับรองการเงินจากธนาคาร (ต้องระบุชื่อผู้รับรองและผู้ที่ให้รับรอง) 1 ท่าน/ชุด
- กรณีถ่ายสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากของตนเองให้กับผู้ที่จะรับรองด้วย 1 ท่าน/ชุด
4.2 ทางสถานฑูตไม่รับบัญชีกระแสรายวันเพื่อการพิจารณาวีซ่าในทุกกรณี
5. หลักฐานการทำงาน (ภาษาอังกฤษและเป็นหลักฐานปัจจุบันเท่านั้น)
5.1 กรณีเป็นพนักงาน
- หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทฯ ระบุตำแหน่ง,อัตราเงินเดือนในปัจจุบัน,วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่ขอลางานเพื่อเดินทางไปยุโรป หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานตามปกติหลังครบกำหนดลา
5.2 กรณีเป็นข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
- หนังสือรับรองจากหน่วยงาน ระบุตำแหน่ง,อัตราเงินเดือนในปัจจุบัน,วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่ขอลางานเพื่อเดินทางไปยุโรป หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานตามปกติหลังครบกำหนดลา
5.3 กรณีเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา
- หนังสือรับรองจากสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน และสำเนาบัตรนักศึกษาและสมุดพกหรือใบรบ.
5.4 กรณีเป็นเจ้าของกิจการ
-หลักฐานประกอบการค้า เช่น สำเนาใบทะเบียนการค้า,หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า,หนังสือบริคณห์สนธิที่มีชื่อของผู้เดินทางเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนพร้อมทั้งเซ็นชื่อรับรองสำเนาและประทับตราบริษัทฯ (อายุสำเนาไม่เกิน 6 เดือน)
5.5 กรณีเป็นแม่บ้าน
- ต้องเตรียมหลักฐานของสามีตามข้อ 3 -5 พร้อมสำเนาทะเบียนสมรส (กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส ให้ทำหนังสือรับรองชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ),สำเนาใบหย่า หรือสำเนาใบมรณะบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
5.6 กรณีผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 20 ปี
- ไม่ได้เดินทางพร้อมบิดามารดาหรือคนใดคนหนึ่ง จะต้องไปทำหนังสือยินยอมให้เดินทางไปต่างประเทศ จากอำเภอหรือเขตที่ท่านอยู่ โดยระบุชื่อผู้ที่เด็กเดินทางไปด้วยพร้อมแนบหลักฐานของบิดาและมารดา ตามข้อ 3-5
- เด็กอยู่ในความปกครองของบิดาหรือมารดาเพียงคนเดียว จะต้องมีหลักฐานรับรองว่าเด็กอยู่ ภายใต้การปกครองของผู้นั้น เช่น สำเนาใบหย่า พร้อมทั้งบันทึกการหย่าซึ่งแสดงว่าเป็นผู้รับผิดชอบเด็ก เด็กอยู่ในความปกครองของผู้อื่น จะต้องมีหลักฐานรับรองว่าเด็กอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นั้น เช่น หนังสือรับรองบุตรบุญธรรม เป็นต้น พร้อมแนบหลักฐานของบิดาหรือมารดาผู้ที่เด็กอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นั้น ตามข้อ 3-5
6. หมายเลขโทรศัพท์ที่บ้าน,ที่ทำงาน,สถานศึกษา และโทรศัพท์เคลื่อนที่ (**เพื่อความสะดวกของสถานฑูต ในกรณีที่ต้องการทราบข้อมูลส่วนต้วของท่านเพิ่มเติมในการอนุมัติวีซ่า**)
7. กรณีที่บริษัทฯ ของท่านเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับผู้เดินทางทั้งหมด นอกเหนือจากเอกสารข้อ 1-6 แล้ว ทางบริษัทฯจะต้องออกจดหมายอีกหนึ่งฉบับเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายและการกลับมาทำงานของท่าน โดยระบุรายชื่อผู้เดินทางและเหตุผลที่จัดการเดินทางนี้ในจดหมายด้วย
8. การบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใดก็ตาม อาจจะถูกระงับมิให้เดินทางเข้าประเทศในกลุ่ม Etats Schengen เป็นการถาวร และถึงแม้ว่าท่านจะถูกปฏิเสธวีซ่าสถานฑูตไม่คืนค่าธรรมเนียมที่ได้ชำระไปแล้ว และหากต้องการขอยื่นคำร้องใหม่ก็ต้องชำระค่าธรรมเนียมใหม่ทุกครั้ง
9. หากสถานฑูตมีการสุ่มเรียกสัมภาษณ์บางท่าน ทางบริษัทฯขอความร่วมมือมรการเชิญท่านไปสัมภาษณ์ตามนัดหมายและโปรดแต่งกายสุภาพ ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวก และประสานงานตลอดเวลาและหาก สถานฑูตขอเอกสารเพิ่มเติมทางบริษัทฯ ใคร่ขอรบกวนท่านจัดส่งเอกสารดังกล่าวเช่นกัน
10. กรณีที่ท่านยกเลิกการเดินทางภายหลังจากได้วีซ่าแล้ว ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งสถานฑูต ยกเลิก วีซ่าของท่าน เนื่องจากการขอวีซ่าในแต่ละประเทศจะถูกบันทึกไว้เป็นสถิติในนามของบริษัทฯ
คำที่ใช้บ่อย
สวัสดี (บองจอร์โน)
สวัสดีตอนเย็น (บอนา เซรา)
สวัสดีตอนกลางคืน (บอนาเนตโต้)
ลาก่อน (อะรีเวอเดอร์ซี่)
ใช่ (ซี)
ไม่ใช่ (โน)
ขอบคุณ (กราซีเย)
ตกลง (วา เบเน)
โปรด, กรุณา (เปอร์ ฟาโวเร)
ขออภัยด้วย (เปอร์เมสโซ)
คุณช่วยฉัน…ได้ไหม (พัว อะยุตามิ, เปียร์ ปิอาเซเร)
ฉันหลงทาง (มิ โซโน แปร์โซ)
ฉันไม่เข้าใจ (นอน กาปิสโก)
ฉันเป็นคนไทย (โซโน ไทแลนเดสเซ่)
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม (พาร์ลา อิงเกลเซ่)
ราคาเท่าไหร่ (ควานโต คอสตา?)
ฉันต้องการ (วอร์เร)
ห้องน้ำอยู่ไหน (โดเว เอ บัญโย)
ห้อง (อุนา คาเมรา)
เดี่ยว/คู่ (ซิงโกลา / ดอปเปีย)
สำหรับ 1 คืน/ 2 คืน (เปอร์ อูนา นอตเต/เปอร์ ดูเอ นอตเต)
กาแฟ (อุน คาฟเฟ)
น้ำ (อัคควา)
นม (อุน ลาตเต)
ข้าว (รีโซ )
ผลไม้ (ฟรุตตา)
เปิด/ปิด (อะเปอร์โต / คิอุสโซ)
พิพิธภัณฑ์ (มูเซโอ)
สนามบิน (ลาเอโรปอร์โต)
รถโดยสาร (อิล บุส)
ท่ารถ (ออโตสตาซิโอเน่)
สายการบิน (อิล โวโล)
เรือ (ลา บาร์กา)
ท่าเรือ (อิล ปอร์โต)
สถานีรถไฟ (สตาซิโอเน เฟอร์โรเวียเรีย)
แท็กซี่ (อิล ตั๊กซี่)
รถไฟ (อิล เทรโน)
รถไฟออกเวลาเท่าไหร่ (ควานโด ปาร์ตา อิล เทรโน?)
รถไฟมาถึงเวลาเท่าไหร่ (ควานโด อะรีวา อิล เทรโน?)
ป้ายรถเมล์ (ลา เฟอร์มาตา ดิ ออโตบุส)
1 (อูโน)
2 (ดูเอ)
3 (เตร)
4 (ควาตโตร)
5 (ชินเกว)
6 (เซ)
7 (เซตเต)
8 (ออตโต)
9 (โนเว)
10 (ดิเอชี่)
100 เจนโต
1,000 (มิลเล)
2,000 (ดูเอ มิลเล)
สวัสดีตอนเย็น (บอนา เซรา)
สวัสดีตอนกลางคืน (บอนาเนตโต้)
ลาก่อน (อะรีเวอเดอร์ซี่)
ใช่ (ซี)
ไม่ใช่ (โน)
ขอบคุณ (กราซีเย)
ตกลง (วา เบเน)
โปรด, กรุณา (เปอร์ ฟาโวเร)
ขออภัยด้วย (เปอร์เมสโซ)
คุณช่วยฉัน…ได้ไหม (พัว อะยุตามิ, เปียร์ ปิอาเซเร)
ฉันหลงทาง (มิ โซโน แปร์โซ)
ฉันไม่เข้าใจ (นอน กาปิสโก)
ฉันเป็นคนไทย (โซโน ไทแลนเดสเซ่)
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม (พาร์ลา อิงเกลเซ่)
ราคาเท่าไหร่ (ควานโต คอสตา?)
ฉันต้องการ (วอร์เร)
ห้องน้ำอยู่ไหน (โดเว เอ บัญโย)
ห้อง (อุนา คาเมรา)
เดี่ยว/คู่ (ซิงโกลา / ดอปเปีย)
สำหรับ 1 คืน/ 2 คืน (เปอร์ อูนา นอตเต/เปอร์ ดูเอ นอตเต)
กาแฟ (อุน คาฟเฟ)
น้ำ (อัคควา)
นม (อุน ลาตเต)
ข้าว (รีโซ )
ผลไม้ (ฟรุตตา)
เปิด/ปิด (อะเปอร์โต / คิอุสโซ)
พิพิธภัณฑ์ (มูเซโอ)
สนามบิน (ลาเอโรปอร์โต)
รถโดยสาร (อิล บุส)
ท่ารถ (ออโตสตาซิโอเน่)
สายการบิน (อิล โวโล)
เรือ (ลา บาร์กา)
ท่าเรือ (อิล ปอร์โต)
สถานีรถไฟ (สตาซิโอเน เฟอร์โรเวียเรีย)
แท็กซี่ (อิล ตั๊กซี่)
รถไฟ (อิล เทรโน)
รถไฟออกเวลาเท่าไหร่ (ควานโด ปาร์ตา อิล เทรโน?)
รถไฟมาถึงเวลาเท่าไหร่ (ควานโด อะรีวา อิล เทรโน?)
ป้ายรถเมล์ (ลา เฟอร์มาตา ดิ ออโตบุส)
1 (อูโน)
2 (ดูเอ)
3 (เตร)
4 (ควาตโตร)
5 (ชินเกว)
6 (เซ)
7 (เซตเต)
8 (ออตโต)
9 (โนเว)
10 (ดิเอชี่)
100 เจนโต
1,000 (มิลเล)
2,000 (ดูเอ มิลเล)
ภาษาอิตาลี
คนอิตาเลียนจำนวนมาก โดยเฉพาะพวกที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวจะพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส และภาษาเยอรมันได้ อย่างไรก็ตาม จะหาคนที่พูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วนั้นค่อนข้างยาก บางกรณีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษก็จะจำกัดอยู่กับการพูดตามเพลงที่ได้รับความนิยม แต่โดยทั่วๆ ไปแล้ว ก็จะพยายามทำความเข้าใจและสื่อความหมายให้ทราบ แม้กระทั่งใช้ท่าทางภาษาใบ้ กระนั้นการท่องเที่ยวจะมีรสชาติมากขึ้นหากคุณได้เรียนรู้คำหลักๆ บ้าง และจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่งกับการซื้อคู่มือภาษาหรือดิคชันนารีสักเล่ม และต่อไปนี้ก็จะเป็นปูพื้นให้คุณได้เริ่มรู้จักภาษาอิตาลี
การออกเสียงโดยทั่วไปตามหลักโฟเนติค (Phonetic / Fonetica) คือออกตามคำอ่าน มีกฎอยู่สองข้อสำหรับคนที่พูดภาษาใต้ ข้อแรกคือ ซี (c) อยู่หน้าอี (e) หรือไอ (i) ให้ออกเสียงเหมือน ซีเอช (ch) ในภาษาอังกฤษ เช่น ciao = เชา (สวัสดี / ลาก่อน), mi dispiace = มิ ดิสปิอาเซ (เสียใจด้วย), la coincidenza = ลา โคอินซิเดนซา (การเชื่อมต่อ) ส่วน ch ถ้าอยู่หน้า I หรือ e ให้ออกเสียงเหมือน เค (k) ในภาษาอังกฤษ เช่น la chiesa = ลา คิเอซา (โบสถ์) กฎข้อต่อไปคือ จี (g) ให้ออกเสียงเหมือน เจ (j) ในภาษาอังกฤษ หากอยู่หน้า I หรือ e เช่น Giotto = จ็อตโต, Giulio = จูลิโอ ส่วน จีเอช (gh) ที่อยู่หน้า I หรือ e ให้ออกเสียงเหมือนจีในภาษาอังกฤษ เช่น ghiaccio = กีอาคซิโอ (น้ำแข็ง)
การออกเสียงโดยทั่วไปตามหลักโฟเนติค (Phonetic / Fonetica) คือออกตามคำอ่าน มีกฎอยู่สองข้อสำหรับคนที่พูดภาษาใต้ ข้อแรกคือ ซี (c) อยู่หน้าอี (e) หรือไอ (i) ให้ออกเสียงเหมือน ซีเอช (ch) ในภาษาอังกฤษ เช่น ciao = เชา (สวัสดี / ลาก่อน), mi dispiace = มิ ดิสปิอาเซ (เสียใจด้วย), la coincidenza = ลา โคอินซิเดนซา (การเชื่อมต่อ) ส่วน ch ถ้าอยู่หน้า I หรือ e ให้ออกเสียงเหมือน เค (k) ในภาษาอังกฤษ เช่น la chiesa = ลา คิเอซา (โบสถ์) กฎข้อต่อไปคือ จี (g) ให้ออกเสียงเหมือน เจ (j) ในภาษาอังกฤษ หากอยู่หน้า I หรือ e เช่น Giotto = จ็อตโต, Giulio = จูลิโอ ส่วน จีเอช (gh) ที่อยู่หน้า I หรือ e ให้ออกเสียงเหมือนจีในภาษาอังกฤษ เช่น ghiaccio = กีอาคซิโอ (น้ำแข็ง)
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-โคลอสเซียม

โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum หรือ Flavian Amphitheatre; อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ)
เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็น รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)
สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลมซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้องปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทางประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขันที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม
ใต้อัฒจรรย์โคลอสเซียม (Colosseum) และใต้ดินโคลอสเซียม (Colosseum) มีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกัน มากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน
สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) แห่งนี้ จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลง โคลอสเซียม (Colosseum) ก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน ในปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม
7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (ภาษาอังกฤษ: Basilica of Saint Peter, ภาษาละติน: Basilica Sancti Petri)
รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกกันสั้นๆว่าเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม, ประเทศอิตาลี (อีกสามมหาวิหารคือ: มหาวิหารเซ็นต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซ็นต์พอลนอกกำแพง อยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลีเป็นที่ประทับของpope ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกายRoman Catholic State of the Vatican City จัดว่าเป็นประเทศ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ศูนย์กลางคือ มหาวิหารSt. Peter ที่ออกแบบโดยอัจฉริยะบุคคล Michelangelo
คนเชื้อชาติวาติกันไม่มีในโลก มีแต่พลเมืองสัญชาติวาติกัน นครรัฐวาติกันมีพลเมืองประมาณ 900 คน ประมาณ 200 คนเป็นสตรี และมีคนทำงานในนครวาติกัน 1,300 คน พลเมืองของ Vatican City ประกอบด้วย pope cardinal ผู้ปกครองนครรัฐวาติกัน เจ้าหน้าที่ประจำวาติกัน และทหารสวิส ซึ่งเป็นองครักษ์ของpope ประมาณ 100 คน นอกจากนั้นก็ได้แก่เจ้าหน้าที่ทูตวาติกันที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
พลเมือง วาติกันเหล่านี้จะมีสัญชาติวาติกันเฉพาะในขณะดำรงตำแหน่งหรือเป็นภรรยาของ พลเมืองวาติกัน หรือเป็นบุตรที่มีอายุไม่เกิน 25 ของพลเมืองวาติกัน บุตรคนใดอายุถึง 25 ปี ต้องกลับคืนสัญชาติเดิมผู้ถือสัญชาติวาติกัน หากพ้นตำแหน่งเมื่อใดก็ต้องคืนสู่สัญชาติเดิมของตน พร้อมด้วยบุคคลทุกคนในครอบครัวที่ถือสัญชาติวาติกัน หากชาติเดิมของตนไม่ยอมรับให้ขอสัญชาติอิตาลีซึ่งรัฐบาลอิตาลีมีข้อผูกมัดต้องรับเสมอ
ที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ระหว่างการออกอากาศทางวิทยุสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12ประกาศว่าได้มีการค้นพบที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์หลังจากที่นักโบราณคดีใช้เวลา 10 ปีศึกษาขุดค้นห้องใต้ดิน (crypt) ภายในมหาวิหาร
ประวัติ
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกันสร้างทับวิหารเดิมที่ชื่อเดียวกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่นสามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน[1] เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก ที่ตั้งวัดเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังร่างของ นักบุญปีเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกสิบสององค์ของพระเยซู นักบุญปีเตอร์เดิมเป็นบาทหลวงองค์แรกของอันติโอก (Antioch) ต่อมาก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์ แรกของโรม เพราะนิกายโรมันคาทอลิกเชื่อกันว่าร่างของนักบุญปีเตอร์ถูกฝังไว้ที่นี่ จึงเป็นประเพณีกันต่อมาว่าพระสันตะปาปาหลายองค์ก็ฝังไว้ที่วัดนี้ ตัวมหาวิหารปัจจุบันเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1506 บนวัดแบบคอนแสตนทีน และเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1626
แต่เดิมนั้นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มิได้เป็นสถานที่พำนักประจำตำแหน่งของ พระสันตะปาปาเช่นปัจจุบันนี้ (สถานที่ประจำตำแหน่งของสันตะปาปาเดิมอยู่ที่มหาวิหารเซ็นต์จอห์น แลเตอร์รัน) ถึงกระนั้นก็ยังถือกันว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ในตัวนครรัฐวาติกันเอง และมีเนื้อที่มาก การทำพิธีต่างๆที่เกี่ยวกับพระสันตะปาปาก็จะมาทำกันที่นี่ นอกจากนั้นก็ยังมีบัลลังก์บิชอปปีเตอร์ (Cathedra Petri) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบัลลังก์ของนักบุญปีเตอร์เองเมื่อดำรงตำแหน่งเป็น สันตะปาปาที่นี่ แต่ปัจจุบันนี้เก้าอี้นี้ไม่ได้ใช้เป็นบัลลังก์บิชอปอีกแล้ว แต่ยังเก็บไว้ไต้ฐานแท่นบูชาที่ออกแบบโดยจานลอเรนโซ เบร์นินี
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-หอเอนเมืองปิซา

หอเอนเมืองปิซา(อิตาลี:Torre pendente di PisaหรือLa Torre di Pisaอังกฤษ:LeaningTower of Pisa)
ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร
การสร้าง
เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เสลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา หอเอนแห่งเมืองปิซา สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนรองรับ
ประวัติ
กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้ ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-รูปปั้นแกะสลักเพียต้า
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-น้ำพุเทรวี่
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-จัตุรัสแคมโป

จัตุรัสแคมโป
สถานที่ตั้งของ หอเอนปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1174 เป็นสถานที่ตั้งของ หอเอนปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1174 สถาปัตยกรรมที่งดงามซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก ศาสตราจารย์กาลิ เลโอ ได้ค้นพบทฤษฎีเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-เมืองเวนิซ

เวนิซ
เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน”
มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค ศูนย์กลางของนครเวนิซ ผ่านชม สะพานถอนหายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิซในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-จัตุรัสเซนต์มาร์ค
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี-ล่องเรือกอนโดล่า
href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQVKxDZGfxAaxPhRT5MpfCn62ZhLA99LzTqYOeCf4L4qbxvvuqmSm8IqRn8G6qFD5Qlz-cVQEW9o2wz05ODp1rJOAPmgJdhsb0hFVspc-ykkFij71Kv6oprct7c1TgrXT362rvlP0mReQ/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94....jpg">

ล่องเรือกอนโดล่า
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิซ สู่ คลองใหญ่ Grand Canal คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ และงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านสถาปัตยกรรม ที่ สะพานเรียลอัลโต้ (ศิลปินเอกไมเคิลแองเจโล) ได้เวลานัดหมายนำคณะลงเรือเดินทางกลับสู่ฝั่งที่ ท่าเรือตรอนเชโต้
อาหารอิตาเลี่ยน



อาหารอิตาเลี่ยน
ในบรรดาอาหารของชาติตะวันตกทั้งหมด อาหารอิตาเลียนได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติถูกปากที่สุดจนเป็นที่แพร่หลายรู้จักกันไปทั่วโลกแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักพิซซ่า มะกะโรนี หรือสปาเกตตี้ แต่จริงๆแล้ว อาหารอิตาเลียนที่น่าสนใจยังมีอีกมากมาย ดังนั้นจึงควรรู้จักกับอาหารอิตาเลียนให้มากขึ้น
พาสต้า (pasta) คือชื่อเรียกโดยรวมของอาหารอิตาเลียนประกอบด้วยเส้นที่ทำจากแป้งสาลี น้ำ และไข่ จากนั้นจึงนำมารีดเป็นแผ่นและตัดเป็นเส้น ทำให้สุกโดยการต้ม รับประทานกับซอสหลากหลายประเภท ที่มักมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำมันมะกอก ผัก เครื่องเทศ และเนยแข็ง เส้นพาสต้าเป็นชื่อเรียกโดยรวมของเส้นหลากหลายประเภท ปัจจุบันมีการผลิตเส้นสำเร็จรูปแบบอบแห้งในลักษณะอุตสาหกรรม ถูกใช้แพร่หลายมากกว่าเส้นแบบสดเนื่องจากสะดวกไม่ต้องใช้เวลาและความชำนาญมากในการจัดเตรียม
ประเภทของพาสต้า
อาหารอิตาเลี่ยน-มักกะโรนี
อาหารอิตาเลี่ยน-ฟูซิลี

ฟูซิลี (Fusilli) แบบเส้นเกลียวสั้นเหมือนสกรู มีความหนากว่าเส้นสปาเกตตีหรือพาสต้าทั่วไป ทานกับซอสเนื้อตำรับดั้งเดิม หรือใช้กับเมนูที่เป็นพาสต้าอบกับชีสชนิดต่างๆ เพนเน (Penne) เป็นพาสต้าชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นท่อนขนาดกลาง ปลายตัดเฉียงทั้งสองด้าน ในประเทศอิตาลีมีการผลิตเพนเน เป็น 2 ชนิด คือ แบบเกลี้ยงและแบบมีร่อง
อาหารอิตาเลี่ยน-ราวิโอลี

ราวิโอลี (Ravioli) เป็นพาสต้าชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแป้งแผ่นบางประกบกันและห่อไส้ข้างใน รูปแบบเดียวกับเกี๊ยวของประเทศจีน ซึ่งสามารถทำได้ในหลายรูปทรง อาทิเช่น ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทรงครึ่งวงกลม หรือทรงกลมก็ได้ การใส่ไส้ในของราวิโอลีสามารถใส่ได้หลายชนิด เช่น ไส้เนื้อ ไส้ไก่ ไส้ปลา หรือไส้เนยก็ได้ แต่ต้นตำหรับดั้งเดิมของอิตาเลียนจะใช้เนยริคอตตาขูดผสมกับผักต่างๆ เช่น ผักขม ผักกาด หรืออาจจะผสมมันบด เห็ด ฟักทอง เกาลัด อาร์ติโชคก็ได้ แต่ขณะในประเทศอิสราเอลนิยมเลือกที่จะใช้มันเทศมากกว่า
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553
อาหารอิตาเลี่ยน-บิสคอตกิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)